รถชนหลายคัน คันไหนผิด?

หลายครั้งที่พบเห็นข่าวหรือสถานการณ์จริงของอุบัติเหตุซ้ำซ้อน รถชนซ้อนกันหลายคัน เคยสงสัยมั้ยว่าแบบนี้ รถชนหลายคัน คันไหนผิด? แล้วแบบนี้ประกันเคลมมั้ย ถ้ารถชนต้องทําไง อุบัติเหตุรถชนต้องแจ้งความภายในกี่วัน หากรถชน 5 คันรวด คันไหนผิด หากคุณกำลังสงสัยและกำลังหาคำตอบในเรื่องนี้อยู่ เพื่อเตรียมตัวรับมือเผื่อว่าอาจเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับตัวเอง รู้ใจได้รวบรวมประเด็นที่น่าสนใจมาให้แล้ว ไปดูพร้อม ๆ กันเลย

 

 

รถชนหลายคัน คันไหนผิด?

เมื่อพูดถึงเห็นการณ์รถชนกันหลายคัน หลายคนมักบอกว่าคันสุดท้ายจะต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด อ้างอิงจาก พรบ.จราจรทางบก พ.ศ. 2540 มาตรา 40 ที่ระบุเอาไว้ว่า

“ผู้ขับขี่จะต้องขับรถโดยเว้นระยะห่างจากรถคันหน้า

ในระยะที่สามารถหยุดรถได้โดยปลอดภัย เมื่อเกิดเหตุจำเป็นต้องหยุดรถ”

แต่อย่าลืมว่าอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะระมัดระวังด้วยการเว้นระยะห่างสักแค่ไหน ยิ่งเป็นอุบัติเหตุรถชนซ้อนกันหลายคันแบบนี้ด้วยแล้ว ไม่ได้หมายความว่าคันสุดท้ายผิดเสมอไป โดยจะต้องดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ จุดเกิดเหตุ พร้อมกับสอบสวนเพื่อหาสาเหตุในการชนครั้งนี้ก่อนให้เสร็จสิ้น แบ่งยกตัวอย่างลักษณะการชน 4 สถานนการณ์ ดังต่อไปนี้

1. รถชนซ้อนคัน แล้วคุณเป็นคันแรก

กรณีนี้หากคุณเบรคกะทันหัน จนเป็นเหตุทำให้รถที่ตามมาเบรคไม่ทันและชนซ้อนกัน ด้วยสาเหตุมีรถปาดหน้า คนหรือสัตว์วิ่งตัดหน้า หลายคนมักตั้งเป้าไปที่คันสุดท้าย หากคุณมีหลักฐานที่สามารถระบุได้ว่า “สาเหตุ” ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้คืออะไร เช่น มีรถขับปาดหน้าจนเป็นเหตุทำให้คุณต้องเบรคกะทันหัน ต่อให้รถชน 5 คันรวด คันไหนผิด ก็คือคันที่ขับปาดหน้าคุณจะเป็นฝ่ายผิดทันที เนื่องจากเป็นต้นเหตุที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุรถชนซ้อนคันนั่นเอง

2. รถชนซ้อนคัน แล้วคุณเป็นคันที่ 2

กรณีที่คุณขับรถอยู่บนถนนดี ๆ ไม่มีการเบรคกะทันหัน แล้วมีคันอื่นขับมาชนท้าย ชนรถของคุณพุ่งไปชนคันข้างหน้าอีกที แบบนี้ระบุคนผิดไม่ยาก เพราะยังไงคันที่มาชนท้ายก็เป็นฝ่ายผิด แถมยังต้องรับผิดชอบค่าเสียหายของรถคุณ และรถยนต์คันแรกอีกด้วย

3. รถชนซ้อนคันก่อน แล้วค่อยมีรถอีกคันขับมาชนท้าย

กรณีที่คุณขับรถชนท้ายรถคันข้างหน้าก่อน แล้วจู่ ๆ ก็มีรถอีกคันมาชนท้ายรถของคุณ (ขับขี่ไม่ระมัดระวัง) กรณีอุบัติเหตุรถชน 3 คัน ใครผิด? ตอบเลยว่าต้องแยกความผิด ซึ่งคุณมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบความเสียหายให้กับรถคันข้างหน้าเท่านั้น ส่วนรถคันที่ชนคุณ จะต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อรถของคุณ

4. รถชนซ้อนคัน แล้วคุณเป็นคันสุดท้าย

กรณีที่คันข้างหน้าจอดอยู่เฉย ๆ แล้วคุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชนซ้อนคัน คุณจะต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นแต่เพียงผู้เดียว เว้นแต่ว่า! เกิดเหตุรถชนซ้อนคันอยู่ก่อนแล้ว และคุณดันขับมาชนท้ายอีกรอบหนึ่ง (ต้องมีหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้)

กรณีที่รถชน เราเป็นฝ่ายผิด เราอาจต้องชดใช้ความเสียหายให้กับรถคันที่คุณชนเพียงคันเดียว ส่วนคันที่เหลือต้องไปพิสูจน์หลักฐานต่อ ว่าใครถูกใครผิด หรือใครเป็นต้นเหตุ แล้วจึงรับผิดชอบค่าเสียหายตามความผิดที่พิสูจน์ได้ต่อไป

 

รู้มั้ย? ขับรถชนท้ายแบบไหนไม่ใช่ฝ่ายผิด

สรุปสั้น ๆ ฉบับรวบรัด เพื่อให้คุณทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น ในกรณีของการขับรถชนท้าย แบบไหนไม่ใช่ฝ่ายผิด โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเด็นหลัก ๆ ดังนี้

  1. รถคันข้างหน้าเบรคกะทันหัน ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชน เนื่องจากความประมาทเลินเล่อ เช่น ขับรถแล้วใจลอย ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ หรือหลับใน เป็นต้น
  2. มีรถคันอื่นปาดหน้ารถคันด้านหน้าคุณ เป็นเหตุทำให้คันหน้าต้องเบรคกะทันหัน
  3. รถคันด้านหน้าเปลี่ยนเลนกะทันหัน
  4. ผู้ขับขี่รถคันด้านหน้าอยู่ในอาการมึนเมา

จากลักษณะการชนทั้ง 4 แบบ ที่เรานำมาบอกต่อเมื่อข้างต้น พิสูจน์ได้แล้วว่า “รถคันสุดท้าย” ไม่ใช่จำเลยในอุบัติเหตุครั้งนี้เสมอไป เพียงแต่จะต้องมีหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้จริง ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้น อะไรเป็นสาเหตุที่แท้จริง เพื่อหาคนที่ต้องรับผิดชอบกันต่อไป ทางที่ดีแนะนำให้ติดกล้องหน้ารถเอาไว้จะดีที่สุด เผื่อว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจะได้ไม่ต้องกลายเป็นฝ่ายรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว

นอกจากการติดกล้องติดรถยนต์จะช่วยให้คุณไม่เป็นฝ่ายผิดในอุบัติเหตุรถชนที่ไม่ได้ก่อและเป็นหลักฐานเมื่อรถชนทั้งของตนเองและคนใช้รถใช้ถนนแล้ว ยังเป็นส่วนลดถึง 10% เมื่อทำประกันรถยนต์ที่รู้ใจ นอกจากนั้นประกันรถยนต์ที่รู้ใจยังให้คุณเลือกปรับแต่งแผนได้ตามใจ มีอู่และศูนย์ซ่อมทั่วไทยกว่า 1,600+ แห่ง ไปไหนก็อุ่นใจมีรู้ใจดูแล

 

รับมืออุบัติเหตุรถชนหลายคันยังไง?

ถ้ารถชน ต้องทําไง? สิ่งแรกที่ควรทำเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนซ้อนกันหลายคัน ไม่ว่าคุณจะเป็นคันแรก คันที่สอง หรือคันสุดท้าย มีดังต่อไปนี้

  1. ควรตั้งสติแล้วตรวจสอบความเสียหายภายในรถก่อน ว่าเกิดความเสียหายมากน้อยแค่ไหน มีใครได้รับบาดเจ็บหรือไม่ 
  2. ไม่ควรเอ่ยปากขอโทษทันที เพราะอาจกลายเป็นว่าอุบัติเหตุรถชน เราเป็นฝ่ายผิด
  3. โทรขอความช่วยเหลือเหตุฉุกเฉิน 191 และโทรเรียกรถพยาบาลหากมีผู้บาดเจ็บโทร 1669
  4. ดำเนินการตรวจสอบลักษณะการชนท้าย ว่าเป็นการชนแบบไหน สาเหตุมาจากอะไร รถคันไหนเป็นต้นเหตุ 
  5. โทรแจ้งบริษัทประกันภัย เพื่อให้บริษัทฯ ช่วยดำเนินการในเรื่องของความเสียหายที่เกิดขึ้น
  6. อย่าลืมถ่ายภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงภาพความเสียหายโดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ของคุณ ของคู่กรณี รวมถึงแผ่นป้ายทะเบียนรถจากมุมที่แตกต่างกันเอาไว้ ก่อนที่จะทำการเคลื่อนย้ายรถออกจากจุดเกิดเหตุ เพื่อป้องกันการกีดขวางเส้นทางจราจร กรณีที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ แนะนำให้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลให้เรียบร้อยก่อนค่อยติดต่อประกัน

สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด! ไม่ว่าจะถ่ายภาพหรือตรวจสอบความเสียหาย นับตั้งแต่รู้ว่าเกิดการชน ก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยลงจากรถ ต้องเช็คให้ดีว่าอยู่จุดไหนของถนน ลงจากรถได้หรือเปล่า หรือมีรถขับเร็ว ๆ วิ่งมาหรือไม่ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่าเอาตัวเองไปอยู่ในจุดเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้อีก 

สำหรับคนที่สงสัยว่าต้องแจ้งความรถชน ภายในกี่วัน? หากเป็นอุบัติเหตุรถชนที่มีคนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตควรแจ้งความทันที แม้กฎหมายจะผ่อนปรนให้สามารถแจ้งความในเวลา 6 เดือน แต่บริษัทประกันอาจไม่รับใบแจ้งความย้อนหลัง ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือควรแจ้งความทันที

 

รถชนกันหลายคัน ประกันรับผิดชอบยังไง?

กรณีที่รถยนต์ของคุณมีประกันอยู่แล้ว และอุบัติเหตุรถชน เราเป็นฝ่ายผิด ทางบริษัทฯ จะรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด (แต่ไม่เกินทุนประกันที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์) ยิ่งประกันที่คุณซื้อติดเอาไว้เป็นประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ด้วยแล้วล่ะก็อุ่นใจได้เลย เพราะประกันให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งรถของคุณ และรถคู่กรณี รวมถึงความเสียหายด้านอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นตามมา

กรณีที่รถยนต์ของคุณทำประกันภัยชั้น 2+ หรือ 3+ เอาไว้ ก็ไม่ต้องมานั่งกังวล หรือนั่งปาดเหงื่อเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มากจนเกินไป เพราะบริษัทประกันก็จะเข้ามามีบทบาทในการรับผิดชอบค่าเสียหายของคู่กรณีและยังซ่อมรถเราด้วย

แน่นอนว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างคุณ ย่อมรู้ดีว่าอุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะอะไร แต่เมื่ออุบัติเหตุรถชนเกิดไปแล้ว และต้องการพิสูจน์ว่าการชนท้ายในครั้งนี้คุณไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ลำพังการพูดปากเปล่าก็คงไม่มีน้ำหนักเท่าไหร่นัก ดังนั้นควรมีหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ ว่า ‘สาเหตุ’ ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากอะไร แท้จริงแล้วใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายผิด หากไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด คุณอาจตกที่นั่งลำบากได้

บทความอื่นๆ